เชื่อว่าหลายคนที่เข้ามาดูกำลังหาวิธี ต่อใบขับขี่ออนไลน์ 2567 ที่ไม่ต้องตื่นเช้าไปรับบัตรคิว กว่าจะทำเสร็จก็หมดวันแล้ว ล่าสุดทาง กรมการขนส่งทางบก ได้เปิดให้บริการจองคิวล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน DLT ไม่ว่าจะเป็นการทำใบขับขี่ใหม่ ต่อใบขับขี่ ต่อภาษีรถ รวมไปถึงการอบรมออนไลน์ แถมยังสามารถเลือกจองคิวที่สำนักงานขนส่งที่สะดวกได้อีกด้วย
วิธีต่อใบขับขี่ออนไลน์ 2567 ผ่านแอป DLT Smart Queue
1. เปิดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue > กด ลงทะเบียน กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน
2. เข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย จากนั้นเลือกสำนักงานที่ท่านสะดวกใช้บริการ
3. เลือกประเภทบริการ กด งานใบอนุญาต > เลือกประเภทใบอนุญาตขับรถ > เลือกประเภทเข้ารับบริการ กด ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ > เลือกประเภทยานพาหนะ
4. กรอกข้อมูล วันหมดอายุใบอนุญาตขับขี่รถ (สำหรับการต่อใบขับขี่อายุ 3 ปี เป็น 3 ปี และอายุ 5 ปี เป็น 5 ปี สามารถเลือกอบรมผ่านระบบ e-learning ได้โดยไม่ต้องไปอบรมที่สำนักงาน)
5. เลือกวันและเวลาที่ต้องการใช้บริการ กด ยืนยันการจอง ท่านจะได้รับคิวอาร์โค้ดเพื่อเป็นหลักฐานการจองคิวสำหรับแสดงให้เจ้าหน้าที่ที่สำนักงาน
หมายเหตุ: หากต้องการยกเลิกการจอง ท่านสามารถกดที่เมนู คิวของฉัน และกด ไอคอนถังขยะ หลังรายละเอียดการจอง เป็นอันยกเลิกเสร็จสิ้น
ใบขับขี่รถทุกประเภท ยกเว้นใบขับขี่ชนิดชั่วคราว และใบขับขี่สากลจะมีอายุการใช้งาน 5 ปี ดังนั้นจึงเป็นการบังคับต่อทุก ๆ 5 ปี ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการทดสอบสมรรถภาพร่างกายเพื่อทดสอบความสามารถในการขับขี่ด้วย การจองคิวต่อใบขับขี่ผ่านแอปฯ จึงเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่อย่างมาก ซึ่งการจองคิวทำใบขับขี่ออนไลน์สามารถทำได้ผ่านแอป DLT Smart Queue ทั้งใน App Store และ Play Store โดยมี 9 ขั้นตอนดังนี้
ข้อควรระวัง
ในวันที่เข้ารับบริการที่สำนักงานควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย
ควรติดต่อเข้ารับบริการก่อนเวลานัดหมายอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
เตรียมเอกสารประกอบการต่อใบขับขี่ให้เรียบร้อย ได้แก่ บัตรประชาชนตัวจริง ใบขับขี่เดิม และใบรับรองแพทย์ อายุไม่เกิน 1 เดือน
เตรียมค่าธรรมเนียมการต่อใบขับขี่รถยนต์ 505 บาท และใบขับขี่รถจักรยานยนต์ 255 บาท
หากไม่ไปติดต่อเข้ารับบริการที่สำนักงานตามระยะเวลาที่จองไว้ จะถือว่าสละสิทธิ์
สำหรับผู้ขับขี่ที่มีใบขับขี่อยู่แล้วแต่หมดอายุ และมีความกังวลว่าหากรถเกิดอุบัติเหตุระหว่างใบขับขี่หมดอายุจะได้รับความคุ้มครองจากประกันรถยนต์หรือไม่ ต้องบอกว่าหากผู้ขับขี่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดจะได้รับความคุ้มครองทั้งรถของตัวเองและรถของคู่กรณีหรือบุคคลภายนอกทั่วไปทุกประการ เพียงแสดงหลักฐานยืนยันว่า มีใบขับขี่ ทั้งใบขับขี่ที่หมดอายุแล้ว หรือสำเนาใบขับขี่ก็ได้